ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
999-11.com
»
ห้องสัพเพเหระ
»
โรยรื่นชื่นบุปผา
»
"ไปชุบตัว"
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
"ไปชุบตัว"
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
กุมภาพันธ์ 10, 2021, 10:59:28 AM
อ่าน 15 ครั้ง
เจ๊วู
เจ้ามือหวย
913
กระทู้
"ไปชุบตัว"
«
เมื่อ:
กุมภาพันธ์ 10, 2021, 10:59:28 AM »
"ไปชุบตัว"
นิยายเรื่องผี ชุด ผู้ที่ไม่มีร่างกาย
บทประพันธ์ ของ ครูเหม เวชกร
อ้ายเรือง บ้านมาบโพธิ์ อยุธยา อายุ 15 ปี มีน้าชายชื่อ เกียรติ ชื่อเก่า เกิด
ทำงานเป็นนักเขียนเรื่องการเมือง อยู่สำนักพิมพ์ " เพื่อนไทย " กรุงเทพฯ
ได้มาขอพาตัว อ้ายเรืองจากตายาย ไปฝึกทำงานกับแกที่กรุงเทพฯ
อ้ายเรืองตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุง
หนุ่มน้อยเดินทางจากอยุธยาขึ้นรถไฟมากับน้าชายในเวลาค่อนข้างเย็น
เป็นรถไฟสายโคราช ผ่านมาจากบ้านพาชี มาถึงสถานี หัวลำโพง กรุงเทพฯ ก็ค่ำพอดี
เรืองตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่ในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน
รถรางที่รูปร่างเหมือนรถไฟ แต่เล็กและสั้นกว่า
น้าเกียรติให้เรืองพักกับแกที่ตึกอันเป็นที่ทำงานของหนังสือพิมพ์เพื่อนไทย
สองน้าหลานพักผ่อนหลับนอนที่ชั้นบนของตึกแห่งนี้ ยึดเอาเป็นบ้านเลย
ภายในสำนักพิมพ์นี้มีคนอยู่เวลากลางคืนด้วยกัน 5 คน
คือ บาบูแขกยาม ลุงพัฒน์ ป้าน้อยเมียของลุงพัฒน์ น้าเกียรติ และเรือง
น้าเกียรติส่งเรืองไปฝึกหัดเรียงพิมพ์ ซึ่งต้องใช้ทักษะหลายอย่าง
ทั้งสะกดการันต์ ฝึกหัดอ่านหนังสือที่พวกข้างบนเขาเขียนให้ออกแจ่มแจ้ง
เรืองเรียนอยู่ 6 เดือน ก็พอจะเรียนได้คล่อง และมีความรู้ทางข่าวสารการเมือง
พอจะผ่านหูผ่านตาขึ้นมาบ้าง ด้วยอ่านทุกวัน การเรียงพิมพ์นี้เท่ากับสอบภาษาไทยทุกวัน
การเรียนหนังสือของเรืองจึงดีขึ้น สะกดตัวไม่ผิด วรรคตอนดีขึ้น
สำนวนการพูดดีขึ้น พอจะพูดคุยอะไรกับใครพอรู้เรื่อง
น้าเกียรติมักจะไปพูดคุยสนทนากับเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ด้วยกัน บางทีก็ไม่กลับมานอนที่สำนักพิมพ์
คืนหนึ่งเสียงคนเดินขึ้นบันไดจากข้างล่างมาชั้นบน เรืองคิดว่าคือเสียงน้าเกียรติกลับมา
เรืองนอนคอยฟังว่าน้าจะมาเรียก เสียงเดินนั้นมาหยุดที่หน้าประตู เรืองคอยอยู่ครู่หนึ่ง
ห็ไม่มีเสียงเรียก จึงค่อย ๆ เปิดประตูแง้มดู แต่ก็ไม่พบใคร
เรืองคอยอยู่ครู่ใหญ่ จนแน่ใจว่าไม่มีใครมาจึงปิดประตูเข้ามุ้งนอน
รุ่งเช้าตอนสาย น้าเกียรติกลับมา เรืองจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมือคืนให้น้าชายฟัง
แต่น้าเกียรติก็บอกว่าเมื่อคืนแกไม่ได้กลับมา แกนอนอยู่บ้านเพื่อน
ตกกลางคืนเรืองต้องอยู่คนเดียวอีก เพราะน้าเกียรติมีเพื่อนมาตามไป เวลาสัก 5 ทุ่ม
เรืองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนสองสามคนขึ้นบันไดมาชั้นบน แล้วเดินมาทางห้องของเรือง
คราวนี้มีเสียงผู้หญิงด้วย หัวเราะกันคิกคัก หยอกล้อกันมา
เมื่อเสียงฝีเท้าเดินเลยห้องเรืองไป เรืองเปิดประตูแง้มดูก็ไม่พบใครอีก
พอตอนเช้าน้าเกียรติกลับมา เรืองเล่าเหตุการณ์ประหลาดเมื่อคืนให้น้าฟัง
น้าเกียรติทำหน้าฉงน พยายามสิบสาวราวเรื่องจากลุงพัฒน์ ก็ไม่ได้เรื่อง
ถามบาบูแขกยามก็ตอบว่ากลางดึกเมื่อวานไม่มีใครเข้ามาเลย
และรับรองแข็งขันว่าแกทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งไม่มีใครเข้ามาได้ถ้าแกไม่อนุญาต
น้าเกียรติสงสารเรืองที่เจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ ติดต่อกันถึงสองคืน จึงอยู่เป็นเพื่อน
ตอนโพล้เพล้ เรืองเกิดปวดปัสสาวะ จึงรีบมาห้องน้ำที่เปิดไฟสว่าง
มีใครคนหนึ่งเป็นผู้ชายวัยกลางคน เดินสวนออกมาจากห้องน้ำอย่างเร็ว
จนเกือบชนเรือง เรืองเหลียวกลับมาดูว่าชายผู้นั้นเป็นใคร แต่ไม่เห็นแล้ว
เรืองจึงหมุนตัวจะเข้าห้องส้วม ก็มีหญิงสาวผลุนผลันสวนออกมา
เรืองผงะเกือโดนกันอีก เมื่อเรืองทำธุระปัศศาวะไปนึกไป ภาพที่พบกันมันคล้ายฝันเลือน ๆ ลาง ๆ
เรืองรีบรายงานให้น้าเกียรติฟัง น้าเกียรตฺิตะโกนให้ลุงพัฒน์และบาบูเฝ้าบันไดทางลง และคุมปรนะตูด้วย
แล้วบอกให้เพื่อนอีกสองคนมาช่วยกันค้นตามห้อบทั่วตึก แต่ก็ไม่พบใครเลย เรืองใจคอไม่ดี
เด็กหนุ่มจำได้ว่าชายกลางคนที่สวนกันหน้าห้องน้ำนั้นมีหนวดแหลมตัดเรียบริมฝีปาก
และหนวดนั้นหงอกประปรายพร้อมกับเส้นผมก็เช่นกัน
หญิงนั้นแม้จะเดินก้มหน้าเรืองก็เห็นหน้าแกด้านหนึ่งมีปานที่โหนกแก้ม
ในคืนนั้นน้าเกียรติอยู่เป็นเพื่อนเรือง เด็กหนุ่มบ้านมาบโพธิ์เกิดความกลัวขึ้นมา
ที่เขาจะต้องนอนคนเดียวเวลาน้าเกียรติไม่อยู่ เรืองกลัดกลุ้มคิดไม่ตกถึงกับร้องไห้ออกมา
น้าเกียรติจึงปลอบว่าพรู่งนี้จะย้ายเรืองไปอยู่กับลุงพัฒน์ทำให้เรืองค่อยสบายใจขึ้น
เรืองย้ายมานอนที่ห้องลุงพัฒน์และย้ายหน้าที่ขึ้นไปทำงานข้างบนมีหน้าที่คอยรับโทรศัพท์และตรวจปรู๊ฟ
น้าเกียรติโดนดีเข้าแล้วจากพิษของการเมือง จึงต้องหลบหนีเงื้อมมือของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไป
เรืองกลุ้มใจมากเพราะ "ผมจากบ้านนอกมาอยู่ในความคุ้มครองของน้าเกียรติ
แต่เดี๋ยวนี้น้าเกียรติต้องหนีหาย ผมจะอยู่กับใครงานที่ทำนั่นใช่จะเป็นหลักประกันเลี้ยงตัวได้เลย..."
ตำรวจมาตามจับน้าเกียรติถึงโรงพิมพ์ แต่ไม่พบ เรืองคิดจะกลับไปบ้านนอก
คืนหนึ่งน้าเกียรติก็ลอบมาส่งข่าวให้ลุงพัฒน์และป้าน้อย เรืองก็อยู่ด้วย ดดยบอกอยู่นอกประตู
"ผมห่วงเจ้าเรือง มาบอกขอฝากไว้ด้วย ตัวผมจะขอหลบซ่อนตัวไปก่อน"
"ไม่เข้ามาก่อนหรือครับ" ลุงพัฒน์ถาม
"ไม่เข้าละครับ ผมมาฝากเจ้าเรืองเท่านั้น ผมลาก่อน ลาละนะเรืองเว้ย "
น้าเกียรติหายหน้าไป และไม่มีข่าวคราวเกือบสองเดือน
เรืองยังคงทำงานไป ด้วยความเมตตาของท่านบรรณาธิการ
เย็น โพล้เพล้ เวลา เรืองเห็นผู้หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเด็ดดอกไม้ในสวนแล้วเดินขึ้นตึกที่ทำการ
เรื่องรู้ได้ทันทีว่ากำลังโดนพวกนั้นมาหลอกล้ออีกแล้ว เมื่อเล่าเรื่องที่พบให้ลุงพัฒน์ ป้าน้อยฟัง
ทั้งสองผัวเมืยแสดงอาการกลัวออกมา รีบพาเรืองเข้าห้องปิดประตู
"นี่แหละเขาว่าผีซ้ำด้ำพลอย เขายุ่งกันชุลมุน ก็มาซ้ำมาพลอยให้ยุ่งเข้าอีก" ลุงพัฒน์พึมพำคล้ายบ่น
เรืองสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงอะไรแว่ว ๆ อยู่ เป็นเสียงเคาะข้างฝาด้านที่เขานอน ทั้งลุงพัฒน์ป้าน้อยและเรืองนิ่งเงียบ
เสียงนั้นจึงเคาะรัวถี่เข้าพร้อมกับมีเสียงผู้หญิง "ลุงพัฒน์ นายเรือง" เสียงนั้นเรียกแผ่วเบา แต่ดังชัดเจน
"ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันจะบอกให้เท่านั้น จงรู้ไว้ว่านายเกียรติตายแล้ว"
"โกหก ๆๆ" เรืองตะโกนออกไปด้วยความโมโห "ตายแล้ว
ถูกคนในรถเก๋งยิงตายเมื่อ 6 โมงเย็นนี้ ฉันมาบอกให้เท่านั้น"
ในตอนสายวันนั้นเอง เรืองถึงกับร้องไห้โฮออกมา เมื่อหนังสือพิมพ์เช้าทุก ๆ ฉบับ
ได้ประโคมข่าว "น้าเกียรติถูกยิงตาย"
บรรณาธิการให้เรื่องบรีบกลับไปบอกญาติที่บ้านมาบโพธิ์ มาจัดการศพน้าเรืองที่กรุงเทพฯ
ฝ่ายญาติจะขอรับศพน้าเกียรติไปเผาที่อยุธยา
บรรณาธิการเรียกเรืองไปพบถามว่า ยังอยากทำงานอยู่หรือไม่ ถ้าอยากทำท่านก็จะรับให้ทำตามเดิม
โดยความยินดี เรืองก้มลงกราบเท้าท่าน โดยขอบพระคุณอย่างสูงสุด แต่เขาขอไปอยู่บ้านนอกสักพัก
พอให้จิตใจเข้มแข็งและมีอายุมากขึ้นกว่าเก่าสักหน่อย
จะมากราบเท้าขอรับใช้ท่านอย่างคนใช้ และททำงานตามที่ท่านเมตตา
"ท่านบรรณาธิการมองผมอย่างสงสาร ผมกรายเท้าลาท่านกลับไปลาลุงพัฒน์ ป้าน้อย
ผู้มีพระคุณแก่ผมทั้งเวลาธรรมดา และยามยาก ป้าน้อยตาแดง ๆ ผมเที่ยวลาหมดทุก ๆคน
ที่เคยร่วมงานกัน ตลอดบาบูแขกยาม ผมก็บอกลา เพราะเคยผ่านเข้าผ่านออก
และคุยกันบ้างบางเวลา นึกถึงตัวเองแล้วก็ร้องไห้
วาสนาของผมได้มาชุบตัวที่กรุงเทพฯ มีแค่นี้เอง
ลาก่อน กรุงเทพมหานคร"
สามารถ จันทร์แจ่ม : บันทึก
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
999-11.com
»
ห้องสัพเพเหระ
»
โรยรื่นชื่นบุปผา
»
"ไปชุบตัว"