999-11.com
ห้องสัพเพเหระ => โรยรื่นชื่นบุปผา => ข้อความที่เริ่มโดย: เจ๊วู ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2021, 06:58:27 PM
-
(https://scontent.fnak3-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-0/s600x600/149091770_2754986128147799_8588596000518733207_o.jpg?_nc_cat=111&ccb=3&_nc_sid=730e14&_nc_eui2=AeFYg7FxpduRGAoZSKvq3eLf5-FTP_yrbU_n4VM__KttTwmveZOxUaRAYJQwiSZTNtpP8dVIBnFmTsgl_0l37vt6&_nc_ohc=Ue6jkPtbGEgAX8Tq-EG&_nc_ht=scontent.fnak3-1.fna&tp=7&oh=cf2f5653064d02898ae1d6052f0a9118&oe=604E83F0)
"วันทองสองใจ?"
โดย ครูเหม เวชกร
เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องส่วนหนึ่งของชีวิตครูเหม ท่านไม่ได้บอกชื่อตัวละคร
แต่ใช้สรรพนามแทนด้วยคำว่า "ผม" ซึ่งได้พบและพูดคุยกับวิญญาณของ "วันทอง"
ตัวละครเอกในวรรณคดีไทย เรื่อง "ขุนช้าง ขุนแผน"
"ผม" เป็นจิตรกรฝีมือดี ได้รับดูแลชีวิตของลูกศิษย์ "
ธรรมดาผมมีศิษย์นอนประจำกินอยู่ด้วยกันที่บ้านมากคน
ผมไม่มีบุตรก็เลยรักลูกศิษย์แทนบุตร ผมเลี้ยงอย่างบุตร
ทำงานตัวเป็นเกลียว เพื่อหาเงินเลี้ยงศิษย์
คนไหนมีฝีมือแข็งพอทำงานได้ ผมได้วิ่งหางานมาให้ทำ
พอได้เป็นเงินที่เขาจะใช้จ่าย....
ผมมีหน้าที่บำรุงศิษย์เท่ากับบำรุงลูกของตัว
จนใคร ๆ ล้อเลียนผมว่า จะมั่วสุม ชุมนุมพล
ไว้ฝึกอาวุธกู้บ้านกู้เมือง หรือสำนักดาบ ผมหัวเราะ
และตอบว่าคนเราเกิดมาทำอะไร ก็ทำไปอย่างหนึ่ง
จะอยู่เฉย ๆ ย่อมไม่ได้ ตั้งใจทำในสิ่งที่ดี
ก็ต้องทำดีไปโดยจิตเป็นกุศลให้แท้จริง"
ผมได้วาดภาพ ๆ หนึ่ง ให้กับเพื่อนคนหนึ่ง
ที่เขาอยากได้ใส่กรอบติดโชว์ไว้ที่บ้าน
ผมได้รับปากเขาไว้ ผมวาดภาพลงบนผืนผ้าใบ(น่าจะเป็นสีน้ำมัน)
เป็นภาพจากวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้าง ขุนแผน
ตอนขุนแผนลักพาตัวนางวันทองมาจากบ้านขุนช้าง
"ผมเขียนตอนที่ขุนแผนกำลังพาวันทองออกมาจากห้องนอน
ห่อหิ้วเข้าของที่จะใช้พากันเดินมาถึงกลางนอกชานร้านดอกไม้
วันทองหยุดยืนดูต้นไม้ดอกและสัตว์ที่เลี้ยงไว้ด้วยความอาลัย .....
ซึ่งยามนั้นเป็นยามดึก เดือนรุบรู่เมฆบังมีแสงสลัว ภาพนอกรั้วกั้นนอกชาน
มีต้นกล้วยใบโผล่ขึ้นมา กำลังต้องลมอ่อน ๆ
ไหวตัว ทั้งต้นลำดวนออกดอกไสว
ภาพขุนแผนยืนนิ่งมองดูวันทองสะอึกสะอื้น อาลัยในสิ่งต่าง ๆ
ที่จะจากไป มันเป็นภาพเงียบในยามดึก แสงเดือนสลัว ๆ"
เมื่อผมวาดภาพเสร็จก็เป็นยามดึก เหล่าลูกศิษย์ที่เฝ้าดูครูทำงาน
ต่างก็พากันชื่นชมภาพวาดว่างดงามเหมือนจริง
ผมได้หยิบเอาเล่มเสภาขุนช้างขุนแผนมาขับเสภาเบา ๆ
ยิ่งทำให้พวกเขาพากันเคลิบเคลิ้มไปกับความงามของภาพ
เสมือนว่าวิญญาณจับอยู่ในภาพนั้นแล้ว ขณะนั้นพอดีมีเสียงสุนัขเห่าอยู่ไกล ๆ
ศิษย์คนหนึ่งถอนใจและพูดออกมาเบา ๆ คล้ายฝัน
"เสียงสุนัขนั้นเหมือนเห่าอยู่ในภาพนั้น" ศิษย์อื่น ๆ
ต่างครางฮือและส่งเสริมว่า "จริง ๆ มันเห่าอยู่ในนั้นจริง "
"ใบกล้วยมันต้องลม ยวบยาบเห็นชัด" อีกคนว่า
"แหม เอ๊ะ ใครได้กลิ่นไหม ลำดวนลอยกลิ่นมาจริง ๆ "
อีกคนส่งเสริมและสุดจมูก
เวลาผ่านไปศิษย์พากันหลับหมด ผมจึงปลุกให้เขาเข้าที่นอนกัน
หลังจากนั้นผมจึงลากเก้าอี้มานั่งตรวจสอบรูปวาดว่า
ควรจะเพิ่มเติมสิ่งใดลงไปอีก
ผมได้กลิ่นหอมของดอกลำดวน
"จึงสูดกลิ่นอันชื่นใจเข้าไปเต็มปอด
และในความเลือนลางคล้ายฝัน
ผมได้ยินคนถอนหายใจยาวอย่างทอดถอนเสียใจและทุกข์ทรมาน "
"ขณะนั้นเอง ผมสะดุ้งตัวสั่น ใจวูบซู่ซ่า ที่ข้างรูปเขียนของผม
มีร่างของหญิงสาวโบราณ ผมประบ่า ห่มผ้ายกดอก และนุ่งจีบยกดอก
กำลังพินิจดูรูปที่ผมเขียน กลิ่นเครื่องอบร่ำผ้านุ่งผ้าห่มหอมตลบไปทั้งห้อง "
หญิงงามที่ปรากฏในเวลากลางดึกคือ "แม่วันทอง" เธอพูดกับผมว่า
"เธอก็อีกคนหนึ่งใช่ไหม ที่คิดว่าฉันสองใจ" ผมตกใจกลัว
ตอบตะกุกตะกักว่า "เปล่าเลย แม่เอ๋ย
ฉันเขียนเพราะความจับใจในชีวิตของแม่นางโดยแท้จริง"
ผมคัดค้านความคิดของแม่วันทอง เพราะเห็นใจเธอและสงสารเธอ
"คนไทยทุกคนจะนึกว่าฉันเป็นอย่างไร เพลงไทยเกือบแทบทุกเพลง
รำพันกล่าวขวัญถึงแต่ชีวิตฉัน วิญญาณฉันดับไม่ลง ฉันร้องไห้ทุกคราว
เมื่อใครรำพันถึงฉันเสมือนหนึ่งประจานความชั่วฉันไม่มีการหยุดยั้ง
อนิจจาเห็นใจฉันด้วยเถิด..."
แต่ผมกลับรักและบูชา ว่านางเป็ฯยอดหญิงของเขา "
เป็นนางเดียวเท่านั้นที่ฉันยอมมอบหัวใจเป็นข้าทาสแม่นางตลอดมา"
วันทองจึงกล่าวว่า"ที่เธอมีใจดังนั้น ก็คือเพิ่มความชั่วให้แก่ฉันอีก
คือเป็นวันทองสามใจ" ผมรีบโวยวายและคัดค้าน
และลงคุกเข่าต่อหน้าวันทองพลางตอบว่า ....
"กรุณาเข้าใจฉันแต่ผู้เดียวเถิดแม่นางผู้ยอดคะนึงของฉัน
ฉันติดตามชีวิตแม่นางมาแต่อายุน้อยจนอายุมาก
และฉันเสียน้ำตาเพราะแม่นางตลอดมา
ฉันรักและบูชาแม่นางทูนศีรษะโดยแท้.....
นับแต่ฉันรู้ความ และรู้จักแม่วันทอง
ฉันก็ฝังใจแม่วันทองมาจนบัดนี้ แต่ก็เศร้าใจตนเองที่ฉันไม่มีวาสนา
และโอกาสได้ใกล้ชิดแม่วันทองได้....ความรักของฉันที่มีอยู่ในแม่นาง
ฉันเก็บและถนอมมานานแสนนาน ในวันนี้เทพเจ้าช่วยฉัน
ให้ฉันได้พบกับแม่นางเพื่อระบายความรักที่สุมอกมานานเท่านานให้ฟัง
ขอความกรุณาด้วย แม้แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ได้
ก็ขอเพียงแต่ให้แม่นางรักฉันด้วย
เมตตาแก่มนุษย์ผู้อาภัยที่ไม่มีวาสนาจะรักแม่นางได้"
แม่วันทองบอกให้ผมลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้แล้วเดินมาเกาะพนักเก้าอี้
ก้มหน้ากระซิบกับผม "เธอน่่าจะรู้แก่ใจว่าเหตุใดฉันจึงมาหา
ถ้าไม่เกิดจากรักฉันจะมาหาทำไม และทุกคราวที่เธอเขียนภาพเกี่ยวกับฉัน
วิญญาณฉันอยู่ไม่ได้ ต้องล่องลอยมาสู่เธอทุกครั้ง ....
ฉันรู้ใจเธอดี ว่าเธอยกย่องฉัน เธอไม่เหยียบย่ำ เธอมีหัวใจอย่างขาวสะอาด.....
ฉันรู้ว่าเธอรักฉันไม่แพ้ขุนแผนหรือขุนช้าง...เรามีอายุกันคนละสมัย ...
ฉันขอถามสักคำเถิดว่า เธอไม่รังเกียจฉันหรือ ฉันเสียไปแล้วกับขุนแผนหนึ่ง
และกับขุนช้างเป็นสอง ทั้งใคร ๆ ก็ยังชี้ฉันคือหญิงสองใจ"
ผมได้พรรณนาถึงความรักของเขาที่มีต่อแม่วันทองและเห็นใจ
เข้าใจชีวิตของแม่วันทองที่ชะตาชีวิตผันผวนจนต้องผ่านชายถึงสองคน
"ฉันเป็นผู้รู้เห็นข้อเท็จจริง...ฉันรักตัวแม่วันทอง
แม่วันทองจะเป็นอย่างไรฉันก็รัก ฉันรักตัวและหัวใจ"
แม่วันทองฟังผมพูดแล้ว แม่นางได้กอดคอผมและซบศีรษะอยู่ทางด้านหลังผม
ผมดีใจแทบจะโลด รีบปลดแขนเธออก แล้วลุกจากเก้าอี้อุ้มเธอนั่งบนตักผม
ผมได้กอดเธอและกอดจูบอย่างทะนุถนอม กลิ่นประทิ่นหอมเอิบอาบจากหัวใจ
แล้วเราได้พูดย้อนถึงชีวิตตอนหลัง ๆ ของเธอ ......ทั้งสุขและทุกข์
รู้สึกมีความผาสุกและอบอุ่นที่สุดในชีวิต....จนเสียงพระเคาะระฆัง
จะเช้าตรู่แล้วซิหนอ กลิ่นสายหยุดมาตามลมหอมจรุงไปทั้งห้อง"
แม่วันทองต้องจากผมไป "ไม่ไปไม่ได้หรือ แม่วันทอง"
ผมถามเสียงแหบแห้ง "ไม่ได้จริง ๆ ฉันอยู่ไม่ได้ "
เธอพูดแล้วผละออกจากผมเินออกฌฉลียงมุข เปิดประตูออกไปสู่ชานโล่ง
ลมเช้ามืดโบกเข้ามาจนเย็นฉ่ำ ผมยืนงัน พูดไม่ออก กระดิกตัวไม่ได้
ยืนมองแม่วันทองที่หายไปด้วยหัวใจเหมือนขาดลอยไปแล้ว......
"อนิจจาและนี่วิญญาณแม่มาหาฉันจริง ๆ หรือ หรือว่าฉันฝันไป
ผมยืนโงบเงน อ่อนระโหยโรยแรง ใจเหมือนจะดับวูบ ผมสะอื้น
ค่อย ๆ คลานขึ้นเตียง ล้มตัวนอนนัำตาไหลนองหน้า
หายใจรวย ๆ แม่วันทองเอ๋ย เมื่อไรเล่าแม่จะมาหาฉันอีก"
สามารถ จันทร์แจ่ม : บันทึก